|
Jet Li ... หลี่เหลียงเจี๋ย
ประวัติ
หลี่เหลียงเจี๋ย เกิดเมื่อวันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2506 ในกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน โดยเป็นลูกคนสุดท้องในพี่น้องทั้งหมด 5 คน เนื่องจากตัวของหลี่ต้องกำพร้าพ่อตั้งแต่อายุเพียง 2 ขวบ เขาจึงถูกเลี้ยงดูโดยแม่มาตลอด
เมื่อหลี่อายุได้ 8 ขวบ เขาก็ได้รับการฝึกฝนวิชาวูซู ในช่วงเวลาปิดเทอมหน้าร้อน จากนั้นหลี่ก็อุทิศชีวิตตลอดทั้งชีวิตให้กับกีฬาวูซู จนเมื่อเข้าสู่วัยรุ่น หลี่ก็เป็นตัวแทนนักกีฬาวูซูของจีนไปแข่งขันต่างๆมากมาย จนได้เป็นแชมป์ถึง 5 ปีซ้อน และหลี่กับทีมของเขาเคยไปแสดงความสามารถทางวูซูต่อหน้าประธานาธิบดี ริชาร์ด นิกสัน ในปี 1974 จากนั้นหลี่ก็ผันตัวเองไปเป็นโค้ชทีมกีฬาวูซูแทนการเป็นนักกีฬา
ก้าวแรกของการเป็นดารา
หลังจากหลี่เป็นโค้ชทีมชาติมานานหลายปี เมื่อเขาอายุได้ 20 ปี เขาก็ถูกแมวมองดึงให้มาเป็นพระเอกหนังเรื่อง Shaolin Temple (1982) โดยหนังเรื่องนี้เป็นงานแจ้งเกิดให้เขาอย่างเต็มตัว แต่ภาคต่อของหนังชุดนี้คือ Shaolin Temple 2 : Kids from Shaolin (1984) และ Martial Arts of Shaolin (1986) กลับไม่ประสบความสำเร็จเลย จากนั้นหลี่ก็กำกับหนังของตนเองเป็นครั้งแรกกับเรื่อง Born to Defence (1988) แต่ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จอีก
ภาพยนตร์ฮ่องกง
เมื่อหลี่ย้ายเข้ามาอยู่ในฮ่องกง เขาก็ได้ร่วมงานกับผู้กำกับชื่อดังของฮ่องกงอย่าง ฉีเคอะ (Tsui Hark) โดยผลงานเรื่องแรกที่ทั้งสองได้ร่วมงานกัน คือ Once Upon a Time in China (1991) โดยหนังประสบความสำเร็จอย่างสูงทั้งในเอเชียและต่างประเทศ ส่งผลให้ชื่อของหลี่เหลียงเจี๋ยเป็นที่รู้จักในวงกว้างอีกครั้ง หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ร่วมงานกันมาเรื่อย เช่น Swordsman II (1992) The Master (1992) Once Upon a Time in China II (1992) Once Upon a Time in China III (1993) Black Mask (1996) และ Once Upon a Time in China and America (1997) เป็นเรื่องสุดท้าย
หลี่ได้ชื่อว่าร่วมงานกับผู้กำกับคิวบู๊ชื่อดังหลายคน เช่น
- หยวนหวูปิง (Yuen Woo-Ping) : Once Upon a Time in China II (1992) The Tai-Chi Master (1993) Last Hero in China (1993) และงานรีเมคของ บรู๊ซ ลี Fist of Legend (1994)
- เฉิงเสี่ยวตง (Tony Ching) : Swordsman II (1992) และ Dr. Wai in the “The Scripture with no Words” (1996)
- หยวนขุย (Corey Yuen) : Fong Sai-Yuk (1993) , Fong Sai-Yuk II (1993) , The New Legend of Shaolin (1994) , The Bodyguard from Beijing (1994) , My Father is a Hero (1995) และ High Risk (1995)
- หงจินเป่า (Sammo Hung) : Kung-Fu Cult Master (1993) และ Once Upon a Time in China and America (1997)
ฮอลลีวู้ด
หลี่มีผลงานในฮอลลีวู้ดครั้งแรกคือ Lethal Weapon 4 (1998) หนังแอ็คชั่นตำรวจภาคต่อ โดยร่วมแสดงกับเมล กิ๊บสัน ,แดนนี่ โกลเวอร์ ,โจ เปสซี่ ,เรเน่ รุสโซ่ และ คริส ร็อก โดยตัวของหลี่รับบทเป็นตัวร้าย นับว่าเป็นการพลิกบทบาทจากพระเอกหนังกังฟู มาเป็นผู้ร้าย หลังจากเรื่องนี้ออกฉาย ทำให้ชื่อ เจ็ต ลี (Jet Li) ซึ่งเป็นชื่อภาษาอังกฤษของหลี่ กลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก
หลังจากนั้นปี 2000 หลี่รับบทนำครั้งแรกในเรื่อง Romeo Must Die (2000) นับว่าเป็นหนังภาษาอังกฤษเรื่องแรกของหลี่ด้วย หลังจากออกฉาย ก็สามารถทำรายได้ในบ็อกซ์ออฟฟิศสหรัฐอเมริกา นานหลายสัปดาห์ติดต่อกัน
ปี 2001 หลี่มีผลงานถึง 2 เรื่อง คือ Kiss of the Dragon (2001) โดยเป็นการร่วมงานกันระหว่างเขากับลุค เบซอง ร่วมแสดงกับ บริดเจต ฟอนดา และ เชกี คาร์โย ซึ่งหลี่ยังรับหน้าที่อำนวยการสร้างและคิดโครงเรื่องนี้ด้วย และหนังแอ็คชั่น - ไซไฟ เรื่อง The One (2001) อีกทั้งหลี่ยังร่วมกับบริษัทหนังอย่าง Icon Production สร้างภาพยนตร์โทรทัศน์ (Pilot) แนวกำลังภายในเรื่อง Invincible (2001) ความยาว 90 นาที ออกฉายเมื่อปี 2001 ว่าด้วยเรื่องราวของกลุ่มคนที่มีวิชาการต่อสู้หลายคนมารวมตัวกัน เพื่อทำภารกิจยับยั้งกลุ่มคนที่หวังจะทำลายโลก
ปี 2003 หลี่รับบทนำร่วมกับนักร้องแร็พเปอร์ ดีเอ็มเอ๊กซ์ ใน Cradle 2 the Grave (2003) โดยหลี่กลับมาร่วมงานอีกครั้งกับผู้อำนวยการสร้าง โจเอล ซิลเวอร์ และผู้กำกับ แอนเดรจ บาร์ตโกเวียก จาก Romeo Must Die โดยหลี่รับบทเป็นนักสืบชาวไต้หวัน ที่ต้องร่วมมือกับนักโจรกรรมเพชร เพื่อตามหาอัญมณีสีดำ โดยในเรื่องนี้หลี่ต้องรับมือกับนักแสดงคิกบ๊อกซิ่งอย่าง มาร์ค ดาคาสคอส เป็นครั้งแรก และสามารถทำเงินขึ้นอันดับหนึ่งบ็อกซ์ออฟฟิศในสัปดาห์แรกของการฉาย
ปี 2005 หลี่ได้ร่วมงานกับ ลุค เบซอง อีกครั้งใน Danny the Dog ( Unleashed) (2005) และหลี่ยังร่วมแสดงกับ มอร์แกน ฟรีแมน, บ็อบ ฮอสกินส์ และ เคอร์รี่ คอนด็อน ซึ่งได้รับการตอบรับกลุ่มแฟนหนังในอเมริกาเป็นอย่างดี ด้วยรายได้เปิดตัวที่ดีพอสมควร
ปี 2007 เจ็ทลีกลับมาร่วมงานกับ เจสัน สเตแธม อีกครั้งใน War (Rogue Assassin) (2007) ภาพยนตร์แอ๊คชั่น - ระทึกขวัญ ซึ่งก็ยังได้รับผลตอบรับดีพอสมควรในอเมริกา
ปี 2008 หลี่มีผลงานถึง 2 เรื่อง แต่ผลงานที่น่าสนใจตั้งแต่วางแผนการสร้าง คือ The Forbidden Kingdom (2008) ทุนสร้าง 55 ล้านเหรียญสหรัฐ ที่หลี่ร่วมแสดงกับนักแสดงกังฟูชื่อดังอย่าง เฉินหลง เป็นครั้งแรก หลังจากวางแผนจะร่วมงานกันมานานกว่าหลายปี และพึ่งได้มาเจอกันในเรื่องนี้ โดยเนื้อหาอิงจากนิยายเรื่อง ไซอิ๋ว มาบางส่วนและเป็นผลงานกำกับของ ร็อบ มินคอฟ (The Lion King, Stuart Little และ The Haunted Mansion) โดยได้ทีมงานอย่าง ปีเตอร์ เปา (ผู้กำกับภาพ) , หยวนวูปิง (ผู้ออกแบบฉากการต่อสู้) และนักแสดงอย่าง หลิวอี้เฟย, หลี่ บิง บิง, คอลลิน โชว และ ไมเคิล แองการาโน และอีกเรื่องคือภาคต่อของหนังชุด The Mummy ในตอนใหม่ล่าสุดที่ชื่อว่า The Mummy: Tomb of the Dragon Emperor (2008) โดยร่วมแสดงกับนักแสดงชาวฮ่องกง เช่น หยางจื่อฉุง และ หวงซิวเซิน พร้อมกับนักแสดงหลักอย่าง เบรนแดน เฟรเซอร์, มาเรีย เบลโล และ จอห์น ฮันนาห์
หนังกำลังภายใน
หลี่กลับมาท็อปฟอร์มอีกครั้งในเรื่อง Hero (2002) หนังจีนทุนสร้าง 30 ล้านเหรียญสหรัฐโดยรัฐบาลของจีน กำกับโดยจางอี้โหมว นำแสดงโดยดาราชื่อดังหลายคน อย่าง เหลียงเฉาเหว่ย, จางม่านอวี้, เฉินเตาหมิง, จางจื่ออี้ และ เจินจื่อตัน โดยเฉพาะเจินจื่อตัน ถือว่าเป็นการกลับมาร่วมงานกับหลี่อีกครั้ง หลังจากเคยประมือกันมาแล้วใน Once Upon a Time in China II (1992) Hero ทำรายได้ทั่วโลกถึง 177.3 ล้านเหรียญสหรัฐ
จากนั้นหลี่ก็กลับมาแสดงหนังกำลังภายในเรื่องเยี่ยมอย่าง Fearless (2006) โดยเรื่องนี้หลี่เป็นทั้งนักแสดงและอำนวยการสร้าง โดยการกำกับเป็นของ รอนนี่ ยู (Ronny Yu) ทุนสร้าง 19 ล้านเหรียญสหรัฐ ว่าด้วยเรื่องราวของฮั่วหยวนเจี๋ย ปรมจารย์กังฟูผู้ต่อสู้กับจิตใจของตน ตั้งแต่เกิดจนถึงนาทีสุดท้ายของชีวิต โดยคำโฆษณาที่ใช้ในการโปรโมตหนังเรื่องนี้บอกว่า เป็นหนังกำลังภายในเรื่องสุดท้ายของเขา ทำให้คนทั่วโลกสนใจหนังเรื่องนี้มากขึ้น โดยสามารถขึ้นอันดับหนึ่งในตารางหนังทำเงินทั่วเอเชีย และยังสามารถทำรายได้ไปพอสมควรในสหรัฐอเมริกา
ปี 2007 หลี่ได้มีส่วนร่วมในหนังมหากาพย์สงครามย้อนยุคเรื่อง The Warlords (2007) งานรีเมคเรื่อง Blood Brothers (1973) ของ จางเชอะ ผลงานการกำกับของ ปีเตอร์ ชาน และร่วมแสดงกับ หลิวเต๋อหัว และ ทาเคชิ คาเนชิโร ทุนสร้าง 40 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้เป็นหนังกำลังภายในอย่างที่เข้าใจกัน และเป็นอีกครั้งที่หลี่ต้องรับบทเป็นตัวร้ายในตอนท้ายเรื่องของหนัง ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีทั่วเอเชีย เพราะสามารถเปิดตัวขึ้นอันดับหนึ่งทั้งในจีน ฮ่องกง ไต้หวัน มาเลเชีย และสิงคโปร์ โดยตัวหลี่เองได้รับค่าตัวสูงสุดในบรรดาหนังภาษาจีน ด้วยค่าตัวถึง 100 ล้านหยวน หรือ 13.47 ล้านเหรียญสหรัฐ และล่าสุดก็พึ่งคว้ารางวัลม้าทองคำ (ตุ๊กตาทองฮ่องกง) ครั้งที่ 27 โดยคว้ามาได้ 8 รางวัล รวมถึงรางวัล ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และ นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม
เกม
บุคลิกของหลี่ได้ถูกนำไปเป็นตัวละครในเกมมาแล้ว โดยเกมนี้มีชื่อว่า Rise to Honor ผลิตโดย Sony Computer Entertainment America โดยเรื่องราวในเกมอ้างอิงเนื้อเรื่องในหนังแอ๊คชั่นของหลี่ และหลี่ยังเป็นผู้ให้เสียงกับตัวละครของเขาในเกม และได้หยวน ขุย (Corey Yuen) ผู้กำกับคิวบู๊คู่หูมาทำหน้าที่ออกแบบท่าทางต่อสู้ในเกมอีกด้วย วางจำหน่ายเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2004 และในแถบยุโรปเดือนเมษายน 2004 จำหน่ายในรูปแบบเพลย์สเตชัน 2 เท่านั้น
ที่มา : wikipedia
ผลงานภาพยนตร์
2525
Shaolin Temple ... เสี้ยวลิ้มยี่ (มังกรเส้าหลิน)(แค้นไอ้หนุ่มเส้าหลิน)
2527
Shaolin Temple 2 Kids From Shaolin ... เสี้ยวลิ้มยี่ 84 (มังกรเส้าหลิน ภาค 2)(ศึกเส้าหลินพิชิตมาร)
2529
Martial Arts Of Shaolin ... มังกรน่ำปั้ก (มังกรเส้าหลิน ภาค 3)(ไท้เก็กพิชิตวังหลวง)
2531
Born To Defend ... หวด ปั้ก คึ่ก (ไอ้หนุ่มซินตึ้ง หัวใจผงาดฟ้า 2)(หวดปักคั่ก)(ศักดิ์ศรีพันธุ์มังกร)
2533
Dragon Fight ... มังกรกระแทกเมือง (มังกรผงาดฟัดโลก)(คู่ฟัดลุยข้ามโลก)
2534
Once Upon A Time In China ... หวงเฟยหง คนบินทะลุเหล็ก (หวงเฟยหง 1)(หวงเฟยหง หมัดบินทะลุเหล็ก)
2535
  
Swordsman 2 ... เดชคัมภีร์เทวดา ภาค 2 (จอมดาบคัมภีร์เทวดา)
Once Upon A Time In China 2 ... หวงเฟยหง 2 ถล่มมารยุทธจักร (หวงเฟยหง 2)(หวงเฟยหง 2 ถล่มวังบัวขาว)
The Master ... ฟัดทะลุโลก
2536
   
Once Upon A Time In China 3 ... หวงเฟยหง 3 ถล่มสิงโตคำราม (หวงเฟยหง 3)
The Legend Of Fong Sai-Yuk ... ฟงไสหยก สู้บนหัวคน (ชายฟง สู้ถวายหัว)
Last Hero In China ... เล็บเหล็กหวงเฟยหง
The Kung Fu Cult Master ... ดาบมังกรหยก (ดาบมังกรหยก ตอนประมุขพรรคมาร)
2537
  
The Tai-Chi Master ... มังกรไท้เก็ก คนไม่ยอมคน (มังกรไทเก็ก)
The New Legend Of Shaolin ... 5 พยัคฆ์เสี้ยวลิ้มยี่ (วีรบุรุษน้อยเสี้ยวลิ้มยี่)
The Legend Of Fong Sai-Yuk 2 ... ปึงซีเง็ก ปิดตาสู้ (ชายฟง สู้ถวายหัว 2)
2538
   
The Bodyguard From Beijing ... บอดี้การ์ด ขอบอกว่าเธอเจ็บไม่ได้
My Father Is A Hero ... ต้องใหญ่ให้โลกตะลึง-ครั้งนี้หัวใจใครก็เจ็บไม่ได้ (คู่ใหญ่ฟัดโลก)
High Risk ... ตายยาก เพราะเธอเจ็บไม่ได้ (โหดหยุดนรกเพื่อเธอ) (เพื่อเธอต้องโหด)
Fist Of Legend ... ไอ้หนุ่มซินตึ้ง หัวใจผงาดฟ้า
2539
 
Dr.Wai & The Scripture Without Words ... ดร.ไว คนใหญ่สุดขอบฟ้า
Black Mask ... แบล็คแมส ดำมหากาฬ (แบล็คมาสค์ คนมหาประลัยไซเบอร์)
2540
Once Upon A Time In China And America (Once Upon A Time In China 6) ... หวงเฟยหงพิชิตตะวันตก
2541
 
Lethal Weapon 4 ... ริกก์ส คนมหากาฬ 4
Hitman ... ลงขันฆ่า ปราณีอยู่ที่ศูนย์
2543
Romeo Must Die ... ศึกแก็งค์มังกรผ่าโลก
2544
Kiss Of The Dragon ... จูบอหังการ ล่าข้ามโลก
2545
The One ... เดอะวัน เดี่ยวมหาประลัย
2546
 
Hero ... ฮีโร่
Cradle 2 The Grave ... คู่อริ ถล่มยกเมือง
2548-2551
     
Unleashed (Danny The Dog) ... คนหมาเดือด
Fearless ... จอมคนผงาดโลก
Rogue Assassin (War) ... โหดปะทะเดือด
Warlords ... 3 อหังการ์ ดับสุริยา
The Forbidden Kingdom ... หนึ่งฟัดหนึ่ง ใหญ่ต่อใหญ่
The Mummy: Tomb Of The Dragon Emperor ... เดอะมัมมี่ คืนชีพจักรพรรดิมังกร
และยังมีหนังสารคดีอีก 5 เรื่อง
    
สารคดีพวกนี้ จะมีเข้ามาฉายในบ้านเราด้วยนะครับ น่าจะประมาณ 2-3 เรื่อง (มั้ง) แต่ผมไม่แน่ใจชื่อเรื่อง คุ้นๆว่าจะมี มังกรเส้าหลิน (Dragons Of The Orient) .. เด็ดตำนานเสี้ยวลิ้มยี่ (Shaolin Kung Fu) แล้วก็ ... (นึกออกแค่นี้ 55)
|
ด้วยความปราถนาดีจาก "สยามทูเว็บดอทคอม" และเพื่อป้องกันการเปิดเว็บไซต์เพื่อหลอกลวงขายของ โปรดตรวจสอบร้านค้าให้แน่ใจก่อนตัดสินใจซื้อของทุกครั้งนะคะ อ่านเพิ่มเติม ...
